วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ด.ช.suvat ช่วยได้

ด.ช. suvat เป็นใครแล้วช่วยอะไรได้

         เรามาทำความรู้จักกับด.ช.suvat กันดีกว่า ว่ามีประโยชน์อย่างไร




      จากคลิปVDOที่ช่วยกันทำขึ้นมานี้ เพื่อช่วยแก้ปัญหาการคำนวณหาค่าปริมาณต่างๆของการเคลื่อนที่ในแนวตรง ซึ่งเป็นเทคนิคเล็กๆน้อยๆ ที่ใช้ช่วยในการแก้โจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์ เพราะบางคนจำสมการได้แต่พอเจอโจทย์จริงๆไม่รู้จะใช้สมการไหน หรือใช้สมการไม่ตรงกับสิ่งที่เค้าต้องการถาม ทำให้ได้คำตอบที่ผิด หรือเสียคะแนนเพราะไม่ตอบเลยเนื่องจากไม่รู้ว่าจะใช้สมาการไหนในการคำนวณหาำคำตอบ แต่ ด.ช. suvat ช่วยได้
         ด.ช. suvat นั้นชวยได้ยังไงเรามาดูกัน
         ก่อนอื่นเลยนะค่ะ เวลาเราเจอโจทย์ปัญหาแล้วเราไม่รู้จะใช้สมการไหน ให้เพื่อนๆลองเอา ด.ช. suvat เขียนเรียงตามตัวอย่างข้างล่างนะค่ะ ว่าจากโจทย์เรารู้อะไรบ้าง แล้วมีตัวไหนเราไม่สนหรือไม่่ต้องการรู้

                   s   =________________
                   u  =________________
                   v  =________________
                   a  =________________
                   t   =________________

            สมมติจากโจทย์ปัญหาเรารู้  ความเร็วต้น (u) เราก็ใส่ค่าความเร็วต้น ลงไปข้างหลัง u แล้วถ้าเรารู้อีกว่า เวลา (t) และ ความเร่ง (a) เป็นเท่าไหร่เราก็ใส่ค่าที่เรารู้ลงไปข้างหลังของค่าต่างๆตามสัญลักษณ์เลย แล้วจากโจทย์เค้าอยากรู้อะไร เราก็ใส่ครื่องหมายคำถาม ไว้ แล้วที่นี้ ด.ช. suvat ก็จะเหลือ 1 ตัวจากโจทย์ที่เราไม่รู้ค่า ให้ถือเราถือว่าตัวที่เหลือนั้นเป็นตัวที่เราไม่สนใจซะเพราะเราไม่รู้ โจทย์ไม่ได้บอกมา ที่นี่เราก็มาเทียบเงื่อนไข (ตามคลิป) ตัวอย่างเช่น สมการ

                   v = u + at  สามการที่ไม่ต้องการรู้  s 

            เราก็สามารถนำสมการที่เราเทียบตามเงื่อนไขแล้วมาใช้ในการคำนวณแก้โจทย์ปัญหาได้เลย (เพื่อนๆสามารถดูตัวอย่างการแก้โจทย์จากในคลิปได้เลยนะค่ะ)
            หวังว่าคลิปVDO ด.ช. suvat ที่พวกเราทำขึ้นมาจะช่วยเพื่อนๆที่มีปัญหาในการคำนวณและการใช้สมการให้ถูกต้องกับโจทย์ทางฟิสิกส์ได้ไม่มากก็น้อย เพราะพอพูดคำว่า ฟิิสิกส์ ทุกคนก็จะบอกเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า ยาก หรือ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย เรียนไปได้ยังไง พวกเราเลยช่วยกันทำคลิป VDO ด.ช. suvat ขึ้นมาเพื่อบอกเทคนิคเล็กน้อยให้เพื่อนๆได้นำไปใช้และรู้จักฟิสิกส์มากขึ้นว่าจริงๆแล้ว ฟิสิกส์ไม่ได้ยากเลย เมื่อเพื่อนๆเข้าใจแล้วเพื่อนๆก็จะสนุกกับฟิสิกส์ได้ อย่าลืมนะค่ะ คิดไม่ออกบอก ด.ช. suvat ช่วยได้

            ส่วนขั้นตอนการทำคลิป VDO ด.ช. suvat นั้น เริ่มจากพวกเราตกลงกันว่าจะำทำเรื่องไหน แล้วก็หาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่จะทำ ในที่นี่พวกเราตกลงกันว่า จะำทำเรื่องของเทคนิคที่ช่วยในการคำนวณ เนื่องจากเห็นปัญหาที่เกิดจากหลายๆคนที่รู้สมการแต่ใช้ไม่เป็นในวิชา ฟิสิกส์ จึงเกิดเป็น ด.ช. suvat ขึ้นมา เมื่อได้เรื่องที่จะทำแล้ว เราก็มาคิดกันว่าจะนำเสนอในรูปแบบไหน ผลสุดท้าย พวกเราเลือกใช้ตัวอักษรช่วยในการนำเสนอไปพร้อมกับการบรรยายประกอบ หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย เนื่องจากมือใหม่หัดทำนะค่ะ แต่อย่าลืม ด.ช. suvat ช่วยได้แน่นอน

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โปรแกรม Interactive Physics นวัตกรรมใหม่ของฉัน

ก่อนอื่นเรามารู้จักคำว่า "นวัตกรรม" กันก่อนดีกว่า


      นวัตกรรม เป็นศัพท์บัญญัติทางการศึกษา ดังปรากฏหลักฐานในหนังสือประมวลศัพท์บัญญัติวิชาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ หน้า 95 คำที่ 368 ใช้แทนคำ Innovation ในภาษาอังกฤษ ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาลาตินว่า Innovare แปลว่า to renew หรือ to modify คาว่า นวัตกรรมมีรากศัพท์มาจาก นว + อตต (บาลี) = ใหม่ + กรรม (สันสกฤต) = การกระทำ การปฏิบัติ ความคิด หมายถึง ความคิดหรือการกระทำใหม่ๆ ที่นำมาใช้แก้ปัญหาในการปฏิบัติงานด้านต่างๆ (สมบูรณ์ สวงนญาติ. 2534 : 14)
      นวัตกรรมการศึกษา หมายถึง กระบวนการ แนวคิดหรือวิธีการใหม่ๆ ทางการศึกษาซึ่งอยู่ในระหว่างการ ทดลองที่จะจัดขึ้นมาอย่างมีระบบและกว้างขวางพอสมควร เพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพ อันจะนำไปสู่การยอมรับนำไปใช้ในระบบการศึกษาอย่างกว้างขวางต่อไป (ทิศนา แขมมณี. 2526 : 12)

ส่วน นวัตกรรมของฉันอาจจะเก่าแล้วสำหรับคนอื่นแต่มันใหม่สำหรับฉัน โปรแกรม Interactive Physics 

      เรามาทำความรู้จักกับ โปรแกรม Interactive Physics กันดีกว่า
อินเตอร์แอคทีฟิสิกส์
         Science, Technology, Engineering and Math: Interactive Physics is the perfect match for STEM education
           Interactive PhysicsTM, the award-winning educational software from Design Simulation Technologies, makes it easy to observe, discover, and explore the physical world through exciting simulation. This easy-to-use program will support the most basic to complex topics in STEM education.
               NASA uses Interactive Physics to support STEM education in their teacher development program.
Interactive Physics allows you to model, simulate, and explore a wide variety of physical phenomena, and create nearly any experiment imaginable. If you can use a mouse, you can use Interactive Physics.


  • Create objects by drawing circles, blocks, and polygons
  • Measure velocity, acceleration, force, energy, etc., in metric or English units
  • Create ropes, springs, dampers, pulleys, slots, actuators, and motors
  • Simulate contact, collisions, and friction
  • Vary air resistance, gravity, or material properties
  • View results as numbers, graphs, and animated vectors
  • Hear and measure sound volumes, sound frequencies, and Doppler effects
  • Create visually appealing presentations by attaching graphics to objects

จับภาพหน้าจอ IP

Discovery Oriented - Interactivity is key
     Interactive Physics is a powerful tool for discovery learning and helps students visualize and learn abstract concepts. It develops inquiry skills and physics knowledge by allowing the user to vary nearly any physical parameter (e.g., gravity, force, speed, spring constants) and to measure its effect on nearly any measurable quantity (e.g., position, energy, decibel level).

(แหล่งที่มา : http://www.design-simulation.com/ip/ )

โปรแกรม Interactive Physics มีประโยชน์กับตัวฉันอย่างไร

     เนื่องจากตัวฉันเป็นครู สอนในรายวิชา ฟิสิิกส์ ซึ่งเป็นวิชาที่พอเอ่ยชื่อก็มักมีคนพูดว่า ยาก เรียนไปได้ไง  ไม่เห็นรู้เรื่องเลย เรียนไปทำไมก็ไม่รู้ ไม่เห็นเข้าใจเลย และอีกมากมายที่ตามมา ทั้งนี้ทั้งนั้นด้วยตัวเนื้อหาวิชาเป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติ บางสิ่งบางอย่างเป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ ต้องอาศัยจินตนาการช่วยในการเรียนการสอน ซึ่งมันเป็นปัญหาสำคัญเพราะคนเรามีจินตนาการไม่เหมือนกัน ตัวฉันที่เป็นครูเองก็เหมือนกัน ดังนั้นเวลาสอนก็ต้องพูดและอธิบายให้ผู้เรียนเห็นภาพตาม และเข้าใจในสิ่งที่เราจะสื่อ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่พอฉันได้มารู้จักกับโปรแกรม Interactive Physics ทำให้ฉันทำการเรียนการสอนในรายวิชาที่ทุกคนบอกว่ายากให้เป็นเรื่องง่ายๆขึ้นมาได้ทันที โปรแกรมตัวนี้ช่วยทำให้ส่วนที่ยากที่สุดของฟิสิกส์ก็ความเข้าใจ ง่ายขึ้น ช่วยทำให้มองเห็นภาพชัดขึ้น เข้าใจไปในแนวเดียวกัน มีการตอบโต้ระหว่างกัน ทำให้ผู้เรียนเรียนแล้วสนุก มองวิชาฟิสิกส์เป็นวิชาที่ง่ายขึ้น สำหรับตัวฉันเองก็เหมือนเราเป็นครูก็ต้องหาความรู้อะไรใหม่ๆอยู่เสมอ โปรแกรมนี้ก็ถือเป็นความรู้หรือนวัตกรรมใหม่สำหรับฉันเหมือนกัน เพราะก่อนสอนฉันจะใช้โปรแกรมนี้สอนตัวเองก่อนทำความเข้าในเรื่องบางเรื่องที่ยังไม่เข้าใจชัดเจนสอนตัวเองไปก่อนแล้วจึงนำไปสอนเด็กต่อ โปรแกรมนี้จึงถือว่าเป็นประโยชน์กับตัวฉันมาในเรื่องการเรียนการสอน นอกจากจะใช้กับตัวเองแล้วยังนำไปเป็นโปรแกรมช่วยสอนในชั้นเรียนได้อีกด้วย หวังว่า โปรแกรมคงเป็นประโยชน์กับคนอื่นที่ไม่เข้าใจฟิสิกส์ได้ไม่มาก็น้อยนะค่ะ ลองไปเล่นดูแล้วคุณจะรู้ว่าฟิสิกส์มันสนุกแค่ไหน



ภาพเคลื่อนไหวภาพการ์ตูนเคลื่อนไหวAnimation



วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

มุมมองการใช้สื่อกับการศึกษา

สื่อคำนี้หลายๆคนอาจจะนึกออกว่าคืออะไร....
            

          ในปัจจุบันสื่อมีหลากหลายรูปแบบที่เห็นได้โดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ หรือ สื่อสังคมออนไลน์ที่มีให้เห็น ไม่ว่าจะเป็น  หนังสือต่างๆ นิตยาสาร  Facebook   Twitter  YouTube หรือแม้แต่ Google เองก็ตามขึ้นอยู่ว่าจะเลือกใช้อันไหน  แล้วสื่อพวกนี้มีผลต่อการศึกษาอย่างไรในปัจจุบัน  ที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก












         
        เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่นิยมหันมาใช้สื่อสังคมออนไลน์ เพื่อโปรโมตสินค้า  ติดต่อสื่อสาร  หรือ ใช้ในการค้นคว้าหาความรู้มากขึ้น เพราะนอกจากจะสามารถเข้าถึงข้อมูลหรือความรู้ได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังเป็นแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ที่ค้นเจอได้ง่ายและติดต่อสื่อสารกันได้อย่างสะดวกสบายไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกก็ตาม

                                                                                                             

        google กับการศึกษาของฉัน

          ในที่นี้ขอพูดถึงสื่อออนไลน์ ที่เราคุ้นชินกันมากมายไม่ว่าจะทำอะไรอยากค้นอะไร เพียงเราพิมพ์คำว่า " Google " ลงบนเว็บไซด์ หรือที่เรียกกันว่า "อาจารย์กู" ของเรานั้นเอง เราก็สามารถที่จะเข้าถึงแหล่งข้อมูลของเราได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบาย อีกทั้งวิธีใช้งานก็ง่ายแถมทันสมัยด้วย
                                 




        อย่างที่รู้กันเวลาจะหาอะไรให้ใช้ Google เพราะหาง่ายหาสะดวกไม่ว่าจะเป็นข้อมูลแบบไหนสามารถหาได้หมด ดังนั้น Google จึงเป็นช่องหนึ่งที่มีอิทธิพลกับการศึกษาในปัจจุบัน เพราะเวลาครูหรือนักเรียนต้องการค้นหาอะไรก็มักจะเข้าไปใช้ Googleในการช่วยหาเพราะ สะดวกสบาย แหล่งข่าวสาร แหล่งข้อมูลมีมากมายให้เลือกใช้ แถมเข้าถึงได้ง่าย เพียงแค่พิมพ์สิ่งที่เราต้องการหา แล้วก็กด ค้นหา เราก็จะได้ข้อมูลของสิ่งที่เราต้องการออกมา ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็สามารถหาได้ เข้าถึงได้  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ว่า Google จะใช้งานสะดวก และเป็นประโยชน์ สามารถนำข้อมูลต่างๆที่หานั้นมาใช้ในการเรียนการสอนได้ แต่ผู้ใช้ก็ต้องรู้จักที่จะตรวจสอบ สังเคราะห์ข้อมูล หรือกรองข้อมูลที่ได้ให้ดีด้วยเพราะบ้างครั้งข้อมูลที่เราได้มาอาจจะยังไม่ถูกต้องทั้งหมด แม้ว่า Google จะมีประโยชน์มาก แต่ก็โทษด้วยถ้าหากเราใช้ไม่ถูกวิธีหรือใช้ในทางที่ผิดมันก็จะกลายมาทำลายเราได้เหมือนกัน ดังนั้นเวลาเราจะใช้ Google หรือสื่อต่างๆเราควรระวังใช้ไปในทางที่ถูกที่ควรไม่ควรเอาสื่อต่างเหล่านี้ไปใช้ในทางที่ผิด ถ้าจะนำมาใช้แล้วก็ควรใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวเราให้มากที่สุด

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

PARADIGM SHIFT เปลี่ยน โลกของการศึกษาก็ย่อมเปลี่ยน




โลกของการเรียนรู้ที่เปลี่ยนแปลงไปในศตวรรษที่ 21

              โลกแห่งการศึกษามีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา การศึกษาที่ยอมรับกันว่าเป็นการสร้างความรู้ ความสามารถ และพัฒนาศักยภาพของคน ได้แก่การศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางหมายถึง การให้โอกาสแก่ผู้เรียนทุกคนได้มีโอกาสรับรู้ เพิ่มพูนความรู้ และประสบการณ์ ตลอดจนพัฒนาศักยภาพของแต่ละคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยปราศจากข้อจำกัด ทั้งระดับสติปัญญา ความสามารถในการรับรู้ และอื่นๆ อีกทั้งยังหวังว่าผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้โดยไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับ เวลา และสถานที่ ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้ความคิดทั้งในการแก้ปัญหา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ความรู้ ในทุกระดับ ในลักษณะที่เรียกว่า Coustructionism





               ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือที่เรียกกันว่า ICT  ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เป็นปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้การศึกษาในอุดมคติเป็นจริงได้ เพราะสามารถแสดงอักษร  ภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว รวมถึงการสร้างสถานการณ์เสมือนจริง ได้เหมือนๆกับที่หนังสือ หนังสือภาพ เทปเสียง วีดีทัศน์ หรือสื่ออื่นๆ ที่มีมาทั้งหมด รวมทั้งเพิ่มการปฏิสัมพันธ์ (Interaction)กับผู้ใช้ได้ และสร้างเครือข่ายให้สามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างไร้ขอบเขต สถานที่ต่าง เวลาต่าง ก็สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ตลอดเวลา


จากอดีต................


              จากอดีตภาพของครูที่ยืนสอนอยู่หน้าห้องเพียงอย่างเดียว คอยบอกให้นักเรียนจดหรือท่องจำสิ่งที่ครูรู้อาจยังคงมีอยู่ ภาพของผู้เรียนที่อ่านเอกสารประกอบการสอน หรือเลคเชอร์โน้ตไปพลางๆ ระหว่างที่ครูบรรยายหรือบรรยายอยู่หน้าห้อง ภาพของครูผู้สอนที่พยายามสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน ด้วยการสอดส่องดูว่ามีนักเรียนคนไหนแอบหลับในห้องเรียน หรือพูดคุยกัน ไม่สนใจฟังในสิ่งที่สอนครู หรือคอยเรียกนักเรียนให้ตอบคำถาม ก็ยังคงมีให้เห็นโดยทั่วไป  แต่ปัจจุบันจำนวนของผู้เรียนที่มีจำนวนมากขึ้นในแต่ละชั้น  จนทำให้วิธีการสอนแบบเดิมๆไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ สื่อที่ใช้แสดงมีขนาดไม่ใหญ่เพียงพอสำหรับผู้เรียนด้านหลังชั้นเรียน ความจดจ่อกับผู้สอนจึงถูกเบี่ยงเบนจากพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมในชั้นเรียนขนาดใหญ่ไป



.............สู่ปัจจุบัน


              แต่ในปัจจุบันที่โลกของการศีกษาที่เปลี่ยนแปลง   ภาพของผู้เรียนซึ่งอาจนำหนังสือหรือตำราที่เกี่ยวข้องกับที่เรียนในวันนั้นๆเข้ามาศึกษา เข้ามาเปรียบเทียบกับคำสอนของครู รวมถึงการนำเอาคอมพิวเตอร์พกพาเข้ามาสืบค้นความรู้ในชั้นเรียนก็ปรากฎให้เห็นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ภาพของผู้เรียนซึ่งถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่ครูกำลังสอนหรือนำเอาข้อมูลความรู้ในเรื่องนั้นมาพูดคุย โดยครูอาจตอบไม่ได้ หรือไม่เคยรู้ข้อมูลนั้นมาก่อนอาจพบเพิ่มขึ้นๆ เช่นกัน
              ในฐานะที่ฉันก็เป็นครูคนหนึ่ง ควรจะเดือดร้อนหรือไม่พอใจกับปรากฎการณ์เช่นที่ว่าไหม เพราะต่อไปนี้ครูไม่ใช่“ศูนย์กลาง”ของการเรียนรู้อีกแล้ว ความรู้ที่ครู “ป้อนให้” และ “จำกัด” อาจจะล้าสมัย และจะกลายเป็นการ “ปิดกั้น” การเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคต่างๆที่เคยประสบ เช่น จำนวนอาจารย์หรือครูผู้สอน  ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในศาสตร์หนี่งๆ หรือแม้แต่จำนวนของผู้เรียนที่มีปริมาณมากขึ้น จะช่วยให้บทบาทของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร และการเรียนรู้ด้วยตนเอง เด่นชัดมากขึ้น  หากเราที่เป็นครูเข้าใจถึงปัจจัยต่างๆที่เปลี่ยนแปลงของโลกแห่งการเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงนั้น เราก็จะสามารถพัฒนาตนเองใ้ห้เอาตัวรอดและอยู่ในโลกของการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบันนี้ได้ เพียงแค่ตัวคุณเองกล้าเปลี่ยนกระบวนทัศน์หรือ ความคิด บ้าง คุณย่อมเห็นสิ่งต่างที่อยู่รอบตัวมากขึ้น
               แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นก็มีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี เพราะฉะนั้นตัวเราก็ต้องเลือกนำไปใช้ให้ถูกและเหมาะสมกับตัวเองหรือสถานการณ์นั้นๆด้วยเช่นกัน แล้วคุณหละกล้าที่จะเปลี่ยนหรือกับโลกของการศึกษาในปัจจุบัน