วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

PARADIGM SHIFT เปลี่ยน โลกของการศึกษาก็ย่อมเปลี่ยน




โลกของการเรียนรู้ที่เปลี่ยนแปลงไปในศตวรรษที่ 21

              โลกแห่งการศึกษามีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา การศึกษาที่ยอมรับกันว่าเป็นการสร้างความรู้ ความสามารถ และพัฒนาศักยภาพของคน ได้แก่การศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางหมายถึง การให้โอกาสแก่ผู้เรียนทุกคนได้มีโอกาสรับรู้ เพิ่มพูนความรู้ และประสบการณ์ ตลอดจนพัฒนาศักยภาพของแต่ละคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยปราศจากข้อจำกัด ทั้งระดับสติปัญญา ความสามารถในการรับรู้ และอื่นๆ อีกทั้งยังหวังว่าผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้โดยไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับ เวลา และสถานที่ ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้ความคิดทั้งในการแก้ปัญหา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ความรู้ ในทุกระดับ ในลักษณะที่เรียกว่า Coustructionism





               ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือที่เรียกกันว่า ICT  ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เป็นปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้การศึกษาในอุดมคติเป็นจริงได้ เพราะสามารถแสดงอักษร  ภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว รวมถึงการสร้างสถานการณ์เสมือนจริง ได้เหมือนๆกับที่หนังสือ หนังสือภาพ เทปเสียง วีดีทัศน์ หรือสื่ออื่นๆ ที่มีมาทั้งหมด รวมทั้งเพิ่มการปฏิสัมพันธ์ (Interaction)กับผู้ใช้ได้ และสร้างเครือข่ายให้สามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างไร้ขอบเขต สถานที่ต่าง เวลาต่าง ก็สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ตลอดเวลา


จากอดีต................


              จากอดีตภาพของครูที่ยืนสอนอยู่หน้าห้องเพียงอย่างเดียว คอยบอกให้นักเรียนจดหรือท่องจำสิ่งที่ครูรู้อาจยังคงมีอยู่ ภาพของผู้เรียนที่อ่านเอกสารประกอบการสอน หรือเลคเชอร์โน้ตไปพลางๆ ระหว่างที่ครูบรรยายหรือบรรยายอยู่หน้าห้อง ภาพของครูผู้สอนที่พยายามสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน ด้วยการสอดส่องดูว่ามีนักเรียนคนไหนแอบหลับในห้องเรียน หรือพูดคุยกัน ไม่สนใจฟังในสิ่งที่สอนครู หรือคอยเรียกนักเรียนให้ตอบคำถาม ก็ยังคงมีให้เห็นโดยทั่วไป  แต่ปัจจุบันจำนวนของผู้เรียนที่มีจำนวนมากขึ้นในแต่ละชั้น  จนทำให้วิธีการสอนแบบเดิมๆไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ สื่อที่ใช้แสดงมีขนาดไม่ใหญ่เพียงพอสำหรับผู้เรียนด้านหลังชั้นเรียน ความจดจ่อกับผู้สอนจึงถูกเบี่ยงเบนจากพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมในชั้นเรียนขนาดใหญ่ไป



.............สู่ปัจจุบัน


              แต่ในปัจจุบันที่โลกของการศีกษาที่เปลี่ยนแปลง   ภาพของผู้เรียนซึ่งอาจนำหนังสือหรือตำราที่เกี่ยวข้องกับที่เรียนในวันนั้นๆเข้ามาศึกษา เข้ามาเปรียบเทียบกับคำสอนของครู รวมถึงการนำเอาคอมพิวเตอร์พกพาเข้ามาสืบค้นความรู้ในชั้นเรียนก็ปรากฎให้เห็นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ภาพของผู้เรียนซึ่งถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่ครูกำลังสอนหรือนำเอาข้อมูลความรู้ในเรื่องนั้นมาพูดคุย โดยครูอาจตอบไม่ได้ หรือไม่เคยรู้ข้อมูลนั้นมาก่อนอาจพบเพิ่มขึ้นๆ เช่นกัน
              ในฐานะที่ฉันก็เป็นครูคนหนึ่ง ควรจะเดือดร้อนหรือไม่พอใจกับปรากฎการณ์เช่นที่ว่าไหม เพราะต่อไปนี้ครูไม่ใช่“ศูนย์กลาง”ของการเรียนรู้อีกแล้ว ความรู้ที่ครู “ป้อนให้” และ “จำกัด” อาจจะล้าสมัย และจะกลายเป็นการ “ปิดกั้น” การเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคต่างๆที่เคยประสบ เช่น จำนวนอาจารย์หรือครูผู้สอน  ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในศาสตร์หนี่งๆ หรือแม้แต่จำนวนของผู้เรียนที่มีปริมาณมากขึ้น จะช่วยให้บทบาทของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร และการเรียนรู้ด้วยตนเอง เด่นชัดมากขึ้น  หากเราที่เป็นครูเข้าใจถึงปัจจัยต่างๆที่เปลี่ยนแปลงของโลกแห่งการเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงนั้น เราก็จะสามารถพัฒนาตนเองใ้ห้เอาตัวรอดและอยู่ในโลกของการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบันนี้ได้ เพียงแค่ตัวคุณเองกล้าเปลี่ยนกระบวนทัศน์หรือ ความคิด บ้าง คุณย่อมเห็นสิ่งต่างที่อยู่รอบตัวมากขึ้น
               แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นก็มีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี เพราะฉะนั้นตัวเราก็ต้องเลือกนำไปใช้ให้ถูกและเหมาะสมกับตัวเองหรือสถานการณ์นั้นๆด้วยเช่นกัน แล้วคุณหละกล้าที่จะเปลี่ยนหรือกับโลกของการศึกษาในปัจจุบัน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น